« กลับไปสู่รายการผลของการสืบค้น  
เตตระคลอโรเอทิลีนICSC: 0076 (เมษายน 2013)
เตตระคลอโรเอทิลีน
พีอีอาร์
พีซีอี
เอทิลีน เตตระคลอไรด์
พีอีอาร์ซี
เตตระแคป
1,1,2,2-เตตระคลอโรอีทีน
1,1,2,2-เตตระคลอโรเอทิลีน
เปอร์คลอโรเอทิลีน
เตตระคลอโรอีเทน
เลขประจำตัวสารเคมี (CAS #): 127-18-4
UN #: 1897
EC Number: 204-825-9

  อันตรายเฉียบพลัน การป้องกัน การระงับอัคคีภัย
เพลิงไหม้และรายละเอียด; การระเบิด ไม่สันดาป ปล่อยไอควันหรือแก๊สที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองหรือเป็นพิษจากการเกิดเพลิงไหม้  เสี่ยงต่อการเกิดเพลิงไหม้และระเบิดเมื่อสัมผัสกับโลหะ โปรดอ่านอันตรายของสารเคมี  ห้ามใกล้เปลวไฟ ห้ามใกล้ประกายไฟ และห้ามสูบบุหรี่ ห้ามสัมผัสกับพื้นผิวร้อน ผงโลหะละเอียด  ห้ามสัมผัสกับโลหะ โปรดอ่านในส่วนของ "อันตรายจากสารเคมี (Chemical Danger)"  ในกรณีที่มีเพลิงไหม้โดยรอบ ให้ใช้สารดับเพลิงที่เหมาะสม   

 ควบคุมสุขอนามัยอย่างเข้มงวด ป้องกันการปล่อยละอองสารเคมี  
  อาการแสดง การป้องกัน การปฐมพยาบาล
ทางการหายใจ ไอ เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ เซื่องซึม คลื่นไส้ หมดสติ  ใช้ การระบายอากาศ การระบายอากาศเฉพาะที่ อุปกรณ์คุ้มครองทางเดินหายใจ  อากาศบริสุทธิ์ พักผ่อน ควรผายปอด ส่งต่อแพทย์ทันที 
ทางผิวหนัง ผิวแห้ง ผื่นแดง รู้สึกปวดแสบปวดร้อน  ถุงมือป้องกัน เสื้อผ้าป้องกัน  ให้ถอดเสื้อผ้าหรือชุดที่ปนเปื้อนออก ค่อย ๆ ชำระล้างผิวหนังด้วยน้ำและสบู่ 
ทางตา รอยแดง รู้สึกแสบร้อน ความเจ็บปวด  สวมใส่ แว่นครอบตานิรภัย กระบังหน้า  ขั้นแรกให้ค่อย ๆ ล้างด้วยน้ำสะอาด 2- 3 นาที (ให้เอาคอนแทคเลนส์ออก ถ้าสามารถเอาออกได้) จากนั้นให้นำส่งแพทย์ 
ทางปาก คอแห้ง อันตรายจากการสำลัก โปรดอ่านข้อมูลกรณีการหายใจเพิ่มเติม หัวใจเต้นผิดจังหวะ ภาวะหยุดหายใจ  ห้ามรับประทานอาหาร น้ำดื่ม หรือสูบบุหรี่ระหว่างปฏิบัติงาน  บ้วนปาก ไม่ทำให้อาเจียน ส่งต่อไปพบแพทย์ทันที 

การกำจัดทิ้ง การจำแนกประเภทและรายละเอียด: ตราสัญลักษณ์
การคุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล : ใช้เครื่องช่วยการหายใจ (repirator) ที่ใช้ตัวกรองอากาศ (filter) สำหรับแก๊สอินทรีย์และไอระเหยในการป้องกันความเข้มข้นของสารในอากาศที่เข้าสู่ทางเดินหายใจ และ ชุดป้องกันที่ครบสมบูรณ์ การระบายอากาศ (Ventilation) ห้ามปล่อยสารเคมีนี้ออกสู่สิ่งแวดล้อม ให้เก็บชองเหลวที่หกรั่วไหลในภาชนะบรรจุที่ปิดผนึก ดูดซับของเหลวที่ยังเหลือคงค้างอยู่ด้วยทรายหรือสารดูดซับเฉื่อย ดังนั้น วิธีการจัดเก็บและวิธีการกำจัดทิ้งให้ขึ้นอยู่กับกฎที่ใช้ควบคุมในพื้นที่นั้น (local regulation) 

ขึ้นอยู่กับเกณฑ์กำหนด GHS ของ UN (UN GHS Criteria)

excl mark;warncancer;health hazenviro;aqua
เตือนภัย
ก่อให้เกิดการระคายเคืองผิวหนัง
เหตุอันควรสงสัยว่าเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคมะเร็ง
อาจเป็นอันตรายหากกลืนกินสารนี้หรือได้รับสารนี้ทางการหายใจ
อาจก่อให้เกิดอาการง่วงซึม หรือเวียนศีรษะ
เป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิตในน้ำโดยมีผลกระทบเป็นะยะเวลานาน 

การขนส่ง
UN Classification
UN Hazard Class: 6.1; หมายเลขของสหประชาชาติระบุกลุ่มของการหีบห่อสาร (UN Pack Group): III 

การเก็บ
แยกจาก metals, ignition sources และ food and feedstuffs (โปรดอ่านอันตรายจากสารเคมีเพิ่มเติม) เก็บรักษาในที่มืด เก็บรักษาในห้องที่มีการถ่ายเทอากาศดี เก็บในที่แห้ง อยู่ในที่เย็น 
การบรรจุ/การหีบห่อ
ไม่ขนส่งร่วมกับอาหารและภาชนะสำหรับบรรจุอาหาร หรือภาชนะบรรจุสำหรับให้อาหาร
มลพิษทางทะเล 
เตตระคลอโรเอทิลีน ICSC: 0076
กายภาพและรายละเอียด; ข้อมูลสารเคมี

สถานะทางกายภาพของสาร
มีลักษณะทางกายภาพเป็นของเหลว ไม่มีสี มีกลิ่นเฉพาะ 

อันตรายทางกายภาพ
ไอระเหยหนักกว่าอากาศและอาจสะสมในพื้นที่ว่างด้านล่างทำให้พื้นที่นั้นไม่มีออกซิเจน 

อันตรายทางเคมี
สลายตัวเมื่อสัมผัสกับพื้นผิวร้อน หรือ เปลวไฟ สารนี้จะสร้างไอควัน (ฟูม) ที่มีพิษและมีฤทธิ์กัดกร่อน ของสารไฮโดรเจนคลอไรด์, สารฟอสจีน และสารคลอรีน สลายตัวอย่างช้า ๆ เมื่อสัมผัสกับความชื้น จะเกิดกรดไตรคลอโรอะซิติกและ กรดไฮโดรคลอริก สารนี้อย่างรุนแรง จะมีปฏิกิริยากับ โลหะที่ถูกแยกย่อยอย่างละเอียด สารนี้จะก่อให้เกิดอันตรายจากการระเบิดและเพลิงไหม้ 

C2Cl4 / Cl2C=CCl2สูตรโมเลกุล
มวลโมเลกุล: 165.8
จุดเดือด : 121 องศาเซลเซียส
จุดหลอมเหลว : -22°C
ความหนาแน่น (ที่ 20 °C): 1.62 g/cm³
ละลายในน้ำ ที่อุณหภูมิ 20°C: 0.015กรัมต่อ 100 มิลลิตร (g/100ml)
ความดันไอ ที่อุณหภูมิ 20°C: 1.9 กิโลปาสกาล (kPa)
ความหนาแน่นของไอน้ำสัมพัทธ์ (อากาศ = 1): 5.7
ความหนาแน่นสัมพัทธ์ของส่วนผสมระหว่าง ไอระเหย/อากาศ (vapour/air-mixture) ที่อุณหภูมิ 20°C (อากาศ = 1): 1.09
ค่าสัมประสิทธิ์การกระจายตัวของสารในชั้นน้ำและชั้นออกทานอล (log Pow): 3.4
อุณหภุูมิที่ติดไฟได้เอง: > 650°C  


การได้รับสัมผัสและรายละเอียด; ผลกระทบต่อสุขภาพ

ทางผ่านการได้รับสัมผัสเข้าสู่ร่างกาย
สารนี้สามารถถุกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายโดยการหายใจ, โดยการรับประทาน และ ผ่านทางผิวหนัง 

ผลกระทบต่อสุขภาพจากการได้รับสัมผัสในระยะเวลาสั้น
สารนี้ ทำให้ระคายเคือง ต่อ ตา, ผิวหนัง และ ทางเดินหายใจ หากกลืนสารนี้อาจทำให้อาเจียนและทำให้เกิดปอดอักเสบจากการสำลัก สารนี้อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบประสาทส่วนกลาง การได้รับสัมผัสสารนี้ที่ระดับสูง สามารถทำให้หมดสติ. 

ความเสี่ยงต่อการหายใจ
ที่อุณหภูมิ 20 องศาเซลเซียส สารอันตรายนี้จะระเหยปนเปื้อนในอากาศค่อนข้างช้า  

ผลกระทบต่อสุขภาพจากการได้รับสัมผัสเป็นระยะเวลานานหรือได้รับสัมผัสซ้ำ
หากผิวหนังได้รับสัมผัสสารนี้ซ้ำหรือเป็นระยะเวลานานอาจทำให้ผิวหนังอักเสบ สารนี้อาจมีผลกระทบต่อ ตับ, ไต และ ระบบประสาทส่วนกลาง สารนี้อาจเป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์ได้ 


ขีดจำกัดการได้รับสัมผัสในการประกอบอาชีพ (การทำงาน)
TLV: 25 ส่วนในล้านส่วน (ppm) กรณีค่าเฉลี่ยตลอดเวลาการทำงาน (TWA); 100 ส่วนในล้านส่วน (ppm) กรณ๊ขีดจำกัดระยะสั้น (STEL); A3 (confirmed animal carcinogen with unknown relevance to humans); กำหนดค่า BEI.
MAK: 69 มิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (mg/m3), 10 ส่วนต่อล้านส่วน (ppm); ประเภทของขีดจำกัดสูงสุด (peak limitation category): II(2); ดูดซึมผ่านผิวหนัง (skin absorption) (H); การจำแนกกลุ่มมะเร็ง (carcinogen categor): 3B; กลุ่มเสี่ยงตั้งครรภ์ (pregnancy risk group): C.
EU-OEL: 138 มิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (mg/m3) , 20 ส่วนในล้านส่วน (ppm) กรณีค่าเฉลี่ยตลอดการทำงาน (TWA); 275 ,มิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (mg/m3), 40 ส่วนในล้านส่วน (ppm) as STEL; (ผิวหนัง) 

สิ่งแวดล้อม
สารนี้เป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิตในน้ำ สารนี้อาจก่อให้เกิดผลกระทบระยะยาวต่อสิ่งมีชีวิตในสิ่งแวดล้อม ต้องไม่แพร่สารนี้ออกสู่สิ่งแวดล้อม 

ข้อสังเกต
ขึ้นอยู่กับระดับของการได้รับสัมผัส และการแนะนำการตรวจสุขภาพตามระยะที่กำหนด
การได้กลิ่นจะเป็นการเตือนหากภาวะเกินค่าขีดจำกัดการได้รับสัมผัสไม่เพียงพอต่อการระวังเหตุการณ์
ห้ามใช้ในบริเวณใกล้เคียงไฟหรือพื้นผิวที่ร้อน หรือระหว่างการเชื่อม
การดื่มแอลกอฮอล์มีผลทำให้มีอันตรายต่อสุขภาพมากขึ้น 

ข้อมูลประกอบเพิ่มเติม
  EC Classification
สัญลักษณ์ : Xn, N; R: 40-51/53; S: (2)-23-36/37-61 

(th)ทั้งนี้ องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) หรือองค์การอนามัยโลก (WHO) หรือสหภาพยุโรป (European Union) จะไม่รับผิดชอบต่อคุณภาพและความแม่นยำของการแปล หรือการใช้ซึ่งจะเกิดขึ้นจากการใช้ข้อมูล