« กลับไปสู่รายการผลของการสืบค้น  
อะซีโตไนไตรล์ICSC: 0088 (มิถุนายน 2011)
อะครีโลไนไตรล์
เมทิลไซยาไนล์
ไซยาโนมีเทน
อีเทนไนไตรล์
มีเทนคาร์โบไนไตรล์
เลขประจำตัวสารเคมี (CAS #): 75-05-8
UN #: 1648
EC Number: 200-835-2

  อันตรายเฉียบพลัน การป้องกัน การระงับอัคคีภัย
เพลิงไหม้และรายละเอียด; การระเบิด ไวไฟสูง ปล่อยไอควันหรือแก๊สที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองหรือเป็นพิษจากการเกิดเพลิงไหม้  ไอระเหย/ส่วนผสมของอากาศทำให้ระเบิด เสี่ยงต่อการเกิดเพลิงไหม้และระเบิดเมื่อสัมผัสกับสารออกซิไดซ์อย่างแรง ความร้อนมีผลทำให้ความดันสูงซึ่งเสี่ยงต่อการระเบิด  ห้ามใกล้เปลวไฟ ห้ามใกล้ประกายไฟ และห้ามสูบบุหรี่ ห้ามสัมผัสกับพื้นผิวร้อน สารออกซิไดซ์อย่างแรง  ระบบปิด ระบายอากาศ อุปกรณ์ไฟฟ้าป้องกันระเบิดและไฟฉายป้องกันการระเบิด ห้ามใช้อากาศอัดในการบรรจุสาร การถ่ายเท หรือ การขนย้าย ใช้เครื่องมือชนิดที่ไม่เกิดประกายไฟ  ใช้ powder, foam, carbon dioxide. อาจไม่สามารถใช้น้ำดับเพลิงได้  ในกรณีของเพลิงไหม้ ให้รักษาอุณหภูมิของถังบรรจุสารเคมีให้เย็นด้วยการฉีดน้ำเป็นละอองฝอย (spraying) ให้ถังบรรจุสารเคมีนั้น 

 ป้องกันการปล่อยละอองสารเคมี ควบคุมสุขอนามัยอย่างเข้มงวด ทุกรายที่ได้รับสัมผัสสารนี้ควรปรึกษาแพทย์ 
  อาการแสดง การป้องกัน การปฐมพยาบาล
ทางการหายใจ เจ็บคอ อ่อนแอ กล้ามเนื้อหน้าอกหดตัว หายใจสั้น เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน อาการชัก หมดสติ อาการอาจปรากฏช้า  ใช้ การระบายอากาศ การระบายอากาศเฉพาะที่ อุปกรณ์คุ้มครองทางเดินหายใจ  อากาศบริสุทธิ์ พักผ่อน ควรผายปอด ไม่ผายปอดด้วยวิธีปากต่อปาก (mouth-to-mouth) ส่งต่อแพทย์ทันที โปรดอ่านข้อสังเกต 
ทางผิวหนัง ดูดซึมได้ง่าย  ถุงมือป้องกัน เสื้อผ้าป้องกัน  ให้ถอดเสื้อผ้าหรือชุดที่ปนเปื้อนออก ค่อย ๆ รินน้ำเปล่าล้างผิวหนัง หรือใช้ฝักบัวในการชะล้าง ส่งต่อ ไปพบแพทย์เพื่อให้การรักษา  
ทางตา รอยแดง ความเจ็บปวด  สวมใส่ กระบังหน้า อุกรณ์ป้องกันดวงตา ในการป้องกันการหายใจแบบผสมผสาน  ค่อย ๆ รินน้ำสะอาดล้างตา (ให้เอาคอนแทคเลนส์ออกก่อน ถ้าสามารถเอาคอนแทคเลนส์ออกได้) นำส่งแพทย์ทันที 
ทางปาก โปรดอ่านข้อมูลกรณีการหายใจเพิ่มเติม  ห้ามรับประทานอาหาร น้ำดื่ม หรือสูบบุหรี่ระหว่างปฏิบัติงาน ล้างมือก่อนรับประทานอาหาร  บ้วนปาก ให้ดื่มน้ำหนึ่งหรือสองแก้ว ไม่ทำให้อาเจียน ส่งต่อไปพบแพทย์ทันที 

การกำจัดทิ้ง การจำแนกประเภทและรายละเอียด: ตราสัญลักษณ์
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ การคุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล : ชุดป้องกันที่ครบสมบูรณ์พร้อมด้วยเครื่องช่วยหายใจแบบมีถังอากาศในตัว (self-contained breathing apparatus: SCBA) การระบายอากาศ (Ventilation) เขจัดแหล่งกำเนิดประกายไฟทั้งหมด ให้เก็บของเหลวที่หกรั่วไหลในภาชนะบรรจุที่มีการปิดผนึกแน่นหรือเท่าที่จะทำได้ ดูดซับของเหลวที่ยังเหลือคงค้างอยู่ด้วยทรายแห้งหรือสารดูดซับเฉื่อย ดังนั้น วิธีการจัดเก็บและวิธีการกำจัดทิ้งให้ขึ้นอยู่กับกฎที่ใช้ควบคุมในพื้นที่นั้น (local regulation) 

ขึ้นอยู่กับเกณฑ์กำหนด GHS ของ UN (UN GHS Criteria)

flam;flameskull;toxiccancer;health haz
ของเหลวไวไฟสูงและไอระเหย
หากสัมผัสสารนี้ทางผิวหนังหรือหายใจรับสารนี้เข้าสู่ร่างกายจะเป็นพิษต่อร่างกายได้
เป็นอันตรายหากกลืนกินสารนี้
ก่อให้เกิดการระคายเคืองตารุนแรง
อาจเป็นอันตรายหากกลืนกินสารนี้หรือได้รับสารนี้ทางการหายใจ
อาจเป็นสาเหตุทำลายเลือดตลอดการได้รับสัมผัสสารหรือได้รับสัมผัสสารซ้ำ [" ถ้า "P2 

การขนส่ง
UN Classification
UN Hazard Class: 3; หมายเลขของสหประชาชาติระบุกลุ่มของการหีบห่อสาร (UN Pack Group): II 

การเก็บ
มีความคงทนต่อไฟ เก็บรักษาในห้องที่มีการถ่ายเทอากาศดี แยกจาก acids, bases, strong oxidants และ food and feedstuffs มีการปิดผนึก 
การบรรจุ/การหีบห่อ
 
อะซีโตไนไตรล์ ICSC: 0088
กายภาพและรายละเอียด; ข้อมูลสารเคมี

สถานะทางกายภาพของสาร
มีลักษณะทางกายภาพเป็นของเหลว ไม่มีสี มีกลิ่นเฉพาะ 

อันตรายทางกายภาพ
ส่วนผสมระหว่างไอระเหยกับอากาศอาจอยู่ในรูปที่ระเบิดได้ง่าย 

อันตรายทางเคมี
สารนี้สลายตัวได้เมื่อได้รับความร้อนหรือเผา และเมื่อสัมผัสกับพื้นผิวที่ร้อน สารนี้จะสร้างไอควันพิษ (ฟูมพิษ) รวมทั้ง สารไฮโดรเจนไซยาไนด์ และ สารไนโตรเจนออกไซด์ สารนี้อย่างรุนแรง จะมีปฏิกิริยากับ สารออกซิแดนท์อย่างแรง สารนี้จะก่อให้เกิดอันตรายจากการระเบิดและเพลิงไหม้ สารนี้ จะมีปฏิกิริยากับ กรด และ เบส จะเกิดสารไฮโดรเจนไซยาไนด์ไวไฟและมีพิษ ทำลาย บางรูปของพลาสติก, ยาง และ การเคลือบ 

C2H3N / CH3CNสูตรโมเลกุล
มวลโมเลกุล: 41.0
จุดเดือด : 82 องศาเซลเซียส
จุดหลอมเหลว : -46°C
ความหนาแน่นสัมพัทธ์ (น้ำ = 1): 0.8
ละลายในน้ำ (ได้ดีมาก) ที่อุณหภูมิ 20°C: 1390กรัมต่อ 100 มิลลิตร (g/100ml)
ความดันไอ ที่อุณหภูมิ 25°C: 9.9 กิโลปาสกาล (kPa)
ความหนาแน่นของไอน้ำสัมพัทธ์ (อากาศ = 1): 1.4
ความหนาแน่นสัมพัทธ์ของส่วนผสมระหว่าง ไอระเหย/อากาศ (vapour/air-mixture) ที่อุณหภูมิ 20°C (อากาศ = 1): 1.04
จุดวาบไฟ : อุณหภูมิ 2°C c.c.
อุณหภุูมิที่ติดไฟได้เอง: 524°C
ขีดจำกัดการระเบิด : 3.0-17vol% ในอากาศ
ค่าสัมประสิทธิ์การกระจายตัวของสารในชั้นน้ำและชั้นออกทานอล (log Pow): -0.3
ความหนืด : 0.35 เซนติโพส (Centipoise (cP)) ที่อุณหภูมิ 20°C 


การได้รับสัมผัสและรายละเอียด; ผลกระทบต่อสุขภาพ

ทางผ่านการได้รับสัมผัสเข้าสู่ร่างกาย
สารนี้สามารถถุกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายโดยการหายใจเอาไอระเหยของสารนี้เข้าสู่ร่างกาย, ผ่านทางผิวหนัง และ โดยการรับประทาน 

ผลกระทบต่อสุขภาพจากการได้รับสัมผัสในระยะเวลาสั้น
สารนี้ ทำให้ระคายเคือง ต่อ ตา สารนี้อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อการหายใจของเซลล์ (ยับยั้ง) กรณีนี้อาจมีผลทำให้ชัก และ การหายใจล้มเหลว การได้รับสัมผัสสารนี้มากไปกว่าค่า OEL สามารถทำให้เสียชีวิต. ผลกระทบต่อสุขภาพอาจปรากฏช้า ควรให้แพทย์ตรวจอาการ 

ความเสี่ยงต่อการหายใจ
ที่อุณหภูมิ 20 องศาเซลเซียส สารอันตรายนี้จะระเหยปนเปื้อนในอากาศค่อนข้างเร็ว 

ผลกระทบต่อสุขภาพจากการได้รับสัมผัสเป็นระยะเวลานานหรือได้รับสัมผัสซ้ำ
สารนี้อาจมีผลกระทบต่อ เลือด สารนี้อาจมีผลต่อanaemia สารนี้อาจมีผลกระทบต่อ ไต, ตับ และ ไธรอยด์ สารนี้อาจมีผลต่อimpaired functions 


ขีดจำกัดการได้รับสัมผัสในการประกอบอาชีพ (การทำงาน)
TLV: 20 ส่วนในล้านส่วน (ppm) กรณีค่าเฉลี่ยตลอดเวลาการทำงาน (TWA); (ผิวหนัง); A4 (not classifiable as a human carcinogen).
MAK: 17 มิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (mg/m3), 10 ส่วนต่อล้านส่วน (ppm); ประเภทของขีดจำกัดสูงสุด (peak limitation category): II(2); ดูดซึมผ่านผิวหนัง (skin absorption) (H); กลุ่มเสี่ยงตั้งครรภ์ (pregnancy risk group): C.
EU-OEL: 70 มิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (mg/m3) , 40 ส่วนในล้านส่วน (ppm) กรณีค่าเฉลี่ยตลอดการทำงาน (TWA); (ผิวหนัง) 

สิ่งแวดล้อม
ได้มีการสำรวจผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของสารอย่างเพียงพอ แต่ไม่พบผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมีนัยสำคัญ 

ข้อสังเกต
มีความจำเป็นต้องทำการรักษาเฉพาะในกรณีของพิษของสารนี้; มีการจัดเตรียมคำแนะนำที่เหมาะสมพร้อมใช้งาน
ควรมีการให้ออกซิเจนเป็นการเฉพาะโดยผู้ที่เคยผ่านการอบรมการปฐมพยาบาลหรือโดยบุคลากรทางการแพทย์
ไม่นำเสื้อผ้าที่ใช้ทำงานกลับไปบ้าน 

ข้อมูลประกอบเพิ่มเติม
  EC Classification
สัญลักษณ์ : F, Xn; R: 11-20/21/22-36; S: (2)-16-36/37 

(th)ทั้งนี้ องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) หรือองค์การอนามัยโลก (WHO) หรือสหภาพยุโรป (European Union) จะไม่รับผิดชอบต่อคุณภาพและความแม่นยำของการแปล หรือการใช้ซึ่งจะเกิดขึ้นจากการใช้ข้อมูล