« กลับไปสู่รายการผลของการสืบค้น  
โพรพิโอไนไตรล์ICSC: 0320 (มิถุนายน 2011)
เลขประจำตัวสารเคมี (CAS #): 107-12-0
UN #: 2404
EC Number: 203-464-4

  อันตรายเฉียบพลัน การป้องกัน การระงับอัคคีภัย
เพลิงไหม้และรายละเอียด; การระเบิด ไวไฟสูง ปล่อยไอควันหรือแก๊สที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองหรือเป็นพิษจากการเกิดเพลิงไหม้ ความร้อนจะเพิ่มความดันที่เสี่ยงต่อการระเบิด  ไอระเหย/ส่วนผสมของอากาศทำให้ระเบิด ความร้อนมีผลทำให้ความดันสูงซึ่งเสี่ยงต่อการระเบิด เสี่ยงต่อการเกิดเพลิงไหม้และระเบิดเมื่อสัมผัสกับสารออกซิไดซ์อย่างแรง  ห้ามใกล้เปลวไฟ ห้ามใกล้ประกายไฟ และห้ามสูบบุหรี่ ห้ามสัมผัสกับพื้นผิวร้อน สารออกซิไดซ์อย่างแรง  ระบบปิด ระบายอากาศ อุปกรณ์ไฟฟ้าป้องกันระเบิดและไฟฉายป้องกันการระเบิด ห้ามใช้อากาศอัดในการบรรจุสาร การถ่ายเท หรือ การขนย้าย ใช้เครื่องมือชนิดที่ไม่เกิดประกายไฟ  ใช้ powder, foam, carbon dioxide. อาจไม่สามารถใช้น้ำดับเพลิงได้  ในกรณีของเพลิงไหม้ ให้รักษาอุณหภูมิของถังบรรจุสารเคมีให้เย็นด้วยการฉีดน้ำเป็นละอองฝอย (spraying) ให้ถังบรรจุสารเคมีนั้น 

 ควบคุมสุขอนามัยอย่างเข้มงวด ทุกรายที่ได้รับสัมผัสสารนี้ควรปรึกษาแพทย์ 
  อาการแสดง การป้องกัน การปฐมพยาบาล
ทางการหายใจ ปวดศีรษะ เจ็บคอ กล้ามเนื้อหน้าอกหดตัว หายใจสั้น คลื่นไส้ อาเจียน เซื่องซึม หมดสติ การหายใจหยุดและหัวใจหยุดเต้น อาการอาจปรากฏช้า  ใช้ การระบายอากาศ การระบายอากาศเฉพาะที่ อุปกรณ์คุ้มครองทางเดินหายใจ  อากาศบริสุทธิ์ พักผ่อน ควรผายปอด ไม่ผายปอดด้วยวิธีปากต่อปาก (mouth-to-mouth) ส่งต่อแพทย์ทันที โปรดอ่านข้อสังเกต 
ทางผิวหนัง ดูดซึมได้ง่าย ผื่นแดง  ถุงมือป้องกัน เสื้อผ้าป้องกัน  ให้ถอดเสื้อผ้าหรือชุดที่ปนเปื้อนออก ค่อย ๆ รินน้ำเปล่าล้างผิวหนัง หรือใช้ฝักบัวในการชะล้าง ส่งต่อให้แพทย์ตรวจอาการทันที 
ทางตา รอยแดง ความเจ็บปวด  สวมใส่ กระบังหน้า อุกรณ์ป้องกันดวงตา ในการป้องกันการหายใจแบบผสมผสาน  ขั้นแรกให้ค่อย ๆ ล้างด้วยน้ำสะอาด 2- 3 นาที (ให้เอาคอนแทคเลนส์ออก ถ้าสามารถเอาออกได้) จากนั้นให้นำส่งแพทย์ 
ทางปาก โปรดอ่านข้อมูลกรณีการหายใจเพิ่มเติม  ห้ามรับประทานอาหาร น้ำดื่ม หรือสูบบุหรี่ระหว่างปฏิบัติงาน ล้างมือก่อนรับประทานอาหาร  บ้วนปาก ไม่ทำให้อาเจียน ให้ดื่มน้ำหนึ่งหรือสองแก้ว ส่งต่อไปพบแพทย์ทันที 

การกำจัดทิ้ง การจำแนกประเภทและรายละเอียด: ตราสัญลักษณ์
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ อพยพออกจากพื้นที่อันตราย! การคุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล : ชุดป้องกันสารเคมีซึ่งมีเครื่องช่วยหายใจแบบมีถังอากาศในตัว (self-contained breathing apparatus: SCBA) การระบายอากาศ (Ventilation) เขจัดแหล่งกำเนิดประกายไฟทั้งหมด ให้เก็บของเหลวที่หกรั่วไหลในภาชนะบรรจุที่มีการปิดผนึกแน่นหรือเท่าที่จะทำได้ ดูดซับของเหลวที่ยังเหลือคงค้างอยู่ด้วยทรายหรือสารดูดซับเฉื่อย ดังนั้น วิธีการจัดเก็บและวิธีการกำจัดทิ้งให้ขึ้นอยู่กับกฎที่ใช้ควบคุมในพื้นที่นั้น (local regulation) 

ขึ้นอยู่กับเกณฑ์กำหนด GHS ของ UN (UN GHS Criteria)

flam;flameskull;toxiccancer;health haz
ของเหลวไวไฟสูงและไอระเหย
หากกลืนสารนี้ หรือสัมผัสสารนี้ทางผิวหนังและการหายใจ อาจทำให้เสียชีวิตได้
อาจก่อให้เกิดอาการง่วงซึม หรือเวียนศีรษะ
อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองผิวหนังและตา
อาจระคายเคืองทางเดินหายใจ
อาจเป็นอันตรายหากกลืนกินสารนี้หรือได้รับสารนี้ทางการหายใจ 

การขนส่ง
UN Classification
UN Hazard Class: 3; หมายเลขของสหประชาชาติระบุความเสี่ยงลำดับรอง (UN Subsidiary Risks) : 6.1; หมายเลขของสหประชาชาติระบุกลุ่มของการหีบห่อสาร (UN Pack Group): II 

การเก็บ
มีความคงทนต่อไฟ เก็บรักษาในห้องที่มีการถ่ายเทอากาศดี แยกจาก strong oxidants, acids และ food and feedstuffs 
การบรรจุ/การหีบห่อ
ไม่ขนส่งร่วมกับอาหารและภาชนะสำหรับบรรจุอาหาร หรือภาชนะบรรจุสำหรับให้อาหาร 
โพรพิโอไนไตรล์ ICSC: 0320
กายภาพและรายละเอียด; ข้อมูลสารเคมี

สถานะทางกายภาพของสาร
มีลักษณะทางกายภาพเป็นของเหลว ไม่มีสี มีกลิ่นเฉพาะ 

อันตรายทางกายภาพ
ส่วนผสมระหว่างไอระเหยกับอากาศอาจอยู่ในรูปที่ระเบิดได้ง่าย ไอระเหยหนักกว่าอากาศและอาจเคลื่อนตัวเหนือพื้น ซึ่งอาจเกิดการลุกไหม้ระหว่างทางได้ 

อันตรายทางเคมี
สารนี้สลายตัวได้เมื่อได้รับความร้อนหรือเผา และเมื่อสัมผัสกับพื้นผิวที่ร้อน สารนี้จะสร้างไอควันพิษ (ฟูมพิษ) รวมทั้ง สารไนโตรเจนออกไซด์ และ สารไฮโดรเจนไซยาไนด์ สารนี้อย่างรุนแรง จะมีปฏิกิริยากับ สารออกซิแดนท์อย่างแรง สารนี้จะก่อให้เกิดอันตรายจากการระเบิดและเพลิงไหม้ สารนี้ จะมีปฏิกิริยากับ กรด ไอน้ำ และ น้ำอุ่น จะเกิดสารไฮโดรเจนไซยาไนด์ไวไฟและมีพิษ 

C3H5N / CH3CH2CNสูตรโมเลกุล
มวลโมเลกุล: 55.1
จุดเดือด : 97 องศาเซลเซียส
จุดหลอมเหลว : -92°C
ความหนาแน่นสัมพัทธ์ (น้ำ = 1): 0.78
ละลายในน้ำ (ได้ดี) ที่อุณหภูมิ 20°C: 10กรัมต่อ 100 มิลลิตร (g/100ml)
ความดันไอ ที่อุณหภูมิ 20°C: 5.2 กิโลปาสกาล (kPa)
ความหนาแน่นของไอน้ำสัมพัทธ์ (อากาศ = 1): 1.9
ความหนาแน่นสัมพัทธ์ของส่วนผสมระหว่าง ไอระเหย/อากาศ (vapour/air-mixture) ที่อุณหภูมิ 20°C (อากาศ = 1): 1.05
จุดวาบไฟ : อุณหภูมิ 2°C c.c.
ขีดจำกัดการระเบิด : 3.1-?vol% ในอากาศ
ค่าสัมประสิทธิ์การกระจายตัวของสารในชั้นน้ำและชั้นออกทานอล (log Pow): 0.16
อุณหภุูมิที่ติดไฟได้เอง: 510°C
ความหนืด : 0,44 มิลลิปาสกาลวินาที (MilliPascal-second (mPa*s)) ที่อุณหภูมิ 20°C 


การได้รับสัมผัสและรายละเอียด; ผลกระทบต่อสุขภาพ

ทางผ่านการได้รับสัมผัสเข้าสู่ร่างกาย
สารนี้สามารถถุกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายโดยการหายใจเอาไอระเหยของสารนี้เข้าสู่ร่างกาย, ผ่านทางผิวหนัง และ โดยการรับประทาน 

ผลกระทบต่อสุขภาพจากการได้รับสัมผัสในระยะเวลาสั้น
สารนี้ ทำให้ระคายเคือง ในระดับปานกลาง ต่อ ตา และ ผิวหนัง ไอระเหย ทำให้ระคายเคือง ต่อ ทางเดินหายใจส่วนบน สารนี้อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อการหายใจของเซลล์ กรณีนี้อาจมีผลทำให้ภาวะเลือดเป็นกรดจากกระบวนการเผาผลาญอาหาร เกิดการกดระบบประสาทส่วนกลาง หัวใจผิดปกติ และ เสียชีวิต ควรให้แพทย์ตรวจอาการ 

ความเสี่ยงต่อการหายใจ
ที่อุณหภูมิ 20 องศาเซลเซียส สารอันตรายนี้จะระเหยปนเปื้อนในอากาศค่อนข้างเร็ว 

ผลกระทบต่อสุขภาพจากการได้รับสัมผัสเป็นระยะเวลานานหรือได้รับสัมผัสซ้ำ
สารนี้อาจมีผลกระทบต่อ เลือด สารนี้อาจมีผลต่อanaemia การรับประทานอาจทำให้เกิดผลกระทบต่อ ระบบกระเพาะอาหารและลำไส้. สารนี้อาจมีผลต่อulceration สารนี้อาจมีผลกระทบต่อ ไต, ตับ และ ไธรอยด์ สารนี้อาจมีผลต่อimpaired functions 


ขีดจำกัดการได้รับสัมผัสในการประกอบอาชีพ (การทำงาน)
 

สิ่งแวดล้อม
aquatic organismsสารนี้อาจเป็นอัตรายต่อสิ่งแวดล้อม สิ่งที่ควรให้ความสนใจแสดงไว้ใน 

ข้อสังเกต
มีความจำเป็นต้องทำการรักษาเฉพาะในกรณีของพิษของสารนี้; มีการจัดเตรียมคำแนะนำที่เหมาะสมพร้อมใช้งาน
ควรมีการให้ออกซิเจนเป็นการเฉพาะโดยผู้ที่เคยผ่านการอบรมการปฐมพยาบาลหรือโดยบุคลากรทางการแพทย์
ไม่นำเสื้อผ้าที่ใช้ทำงานกลับไปบ้าน
อาการปอดบวมจะยังไม่แสดงชัดเจนกว่าเวลาผ่านไปสองชั่วโมงภายหลังการได้รับการบาดเจ็บ ดังนั้นการให้พักผ่อนและมีการสังเกตอาการทางการแพทย์จึงเป็นสิ่งจำเป็น
โปรดอ่าน ICSCs 0088, 0492, 0671 และ 1118 

ข้อมูลประกอบเพิ่มเติม
  EC Classification
 

(th)ทั้งนี้ องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) หรือองค์การอนามัยโลก (WHO) หรือสหภาพยุโรป (European Union) จะไม่รับผิดชอบต่อคุณภาพและความแม่นยำของการแปล หรือการใช้ซึ่งจะเกิดขึ้นจากการใช้ข้อมูล