« กลับไปสู่รายการผลของการสืบค้น  
1,1,2,2-เตตระคลอโรอีเทนICSC: 0332 (เมษายน 2017)
1,1,2,2-เตตระคลอโรอีเทน
อะเซทิลีน เตตระคลอไรด์
ซิม-เตตระคลอโรอีเทน
1,1-ไดคลอโร-2-2,ไดคลอโรอีเทน
เลขประจำตัวสารเคมี (CAS #): 79-34-5
UN #: 1702
EC Number: 201-197-8

  อันตรายเฉียบพลัน การป้องกัน การระงับอัคคีภัย
เพลิงไหม้และรายละเอียด; การระเบิด ไม่สันดาป ปล่อยไอควันหรือแก๊สที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองหรือเป็นพิษจากการเกิดเพลิงไหม้    ห้ามสัมผัสกับสารที่เข้ากันไม่ได้ โปรดอ่านอันตรายจากสารเคมี    ในกรณีที่มีเพลิงไหม้โดยรอบ ให้ใช้สารดับเพลิงที่เหมาะสม   

 ควบคุมสุขอนามัยอย่างเข้มงวด ทุกรายที่ได้รับสัมผัสสารนี้ควรปรึกษาแพทย์ 
  อาการแสดง การป้องกัน การปฐมพยาบาล
ทางการหายใจ ไอ เจ็บคอ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ เซื่องซึม อาการชัก หมดสติ  ใช้ การระบายอากาศ การระบายอากาศเฉพาะที่ อุปกรณ์คุ้มครองทางเดินหายใจ  อากาศบริสุทธิ์ พักผ่อน ควรผายปอด ส่งต่อแพทย์ทันที 
ทางผิวหนัง อาจถูกดูดซึม ผื่นแดง ผิวแห้ง โปรดอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องการหายใจ  ถุงมือป้องกัน เสื้อผ้าป้องกัน  ให้สวมถุงมือเพื่อป้องกันมือขณะทำการปฐมพยาบาล ให้ถอดเสื้อผ้าหรือชุดที่ปนเปื้อนออก ค่อย ๆ รินน้ำเปล่าล้างผิวหนัง หรือใช้ฝักบัวในการชะล้าง ส่งต่อ ไปพบแพทย์เพื่อให้การรักษา  
ทางตา รอยแดง ความเจ็บปวด  สวมใส่ กระบังหน้า อุกรณ์ป้องกันดวงตา ในการป้องกันการหายใจแบบผสมผสาน  ค่อย ๆ ล้างด้วยน้ำสะอาด 2- 3 นาที (ให้เอาคอนแทคเลนส์ออก ถ้าสามารถเอาออกได้) นำส่งแพทย์ 
ทางปาก ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน โปรดอ่านข้อมูลกรณีการหายใจเพิ่มเติม  ห้ามรับประทานอาหาร น้ำดื่ม หรือสูบบุหรี่ระหว่างปฏิบัติงาน  บ้วนปาก ไม่ทำให้อาเจียน ส่งต่อไปพบแพทย์ทันที 

การกำจัดทิ้ง การจำแนกประเภทและรายละเอียด: ตราสัญลักษณ์
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ การคุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล : ชุดป้องกันที่ครบสมบูรณ์พร้อมด้วยเครื่องช่วยหายใจแบบมีถังอากาศในตัว (self-contained breathing apparatus: SCBA) ห้ามปล่อยสารเคมีนี้ออกสู่สิ่งแวดล้อม การระบายอากาศ (Ventilation) ให้เก็บของเหลวที่หกรั่วไหลในภาชนะที่มีการปิดมิดชิด ดูดซับของเหลวที่ยังเหลือคงค้างอยู่ด้วยทรายหรือสารดูดซับเฉื่อย ดังนั้น วิธีการจัดเก็บและวิธีการกำจัดทิ้งให้ขึ้นอยู่กับกฎที่ใช้ควบคุมในพื้นที่นั้น (local regulation) 

ขึ้นอยู่กับเกณฑ์กำหนด GHS ของ UN (UN GHS Criteria)

skull;toxiccancer;health haz
อันตราย
หากกลืนสารนี้หรือหายใจรับสารนี้เข้าสู่ร่างกายจะเป็นพิษต่อร่างกาย
อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองผิวหนังและตา
อาจเป็นสาเหตุ ระคายเคืองทางเดินหายใจ
อาจก่อให้เกิดอาการง่วงซึม หรือเวียนศีรษะ
อาจเป็นสาเหตุทำลาย ตับ
อาจเป็นสาเหตุทำลายตับตลอดการได้รับสัมผัสสารหรือได้รับสัมผัสสารซ้ำ [" ถ้า "P2
เหตุอันควรสงสัยว่าเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคมะเร็ง
สงสัยว่าอาจก่อให้เกิดความบกพร่องทางพันธุกรรม
เป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิตในน้ำ 

การขนส่ง
UN Classification
UN Hazard Class: 6.1; หมายเลขของสหประชาชาติระบุกลุ่มของการหีบห่อสาร (UN Pack Group): II 

การเก็บ
แยกจาก strong bases, alkali metals และ food and feedstuffs มีการปิดผนึก อยู่ในที่เย็น เก็บรักษาในที่มืด มีการระบายอากาศตลอดทางเดิน เก็บรักษาในพื้นที่ที่ไม่มีการระบายหรือมีท่อระบายน้ำ จัดการการบำบัดน้ำเสียจากการดับเพลิง 
การบรรจุ/การหีบห่อ
ไม่ขนส่งร่วมกับอาหารและภาชนะสำหรับบรรจุอาหาร หรือภาชนะบรรจุสำหรับให้อาหาร
มลพิษทางทะเล 
1,1,2,2-เตตระคลอโรอีเทน ICSC: 0332
กายภาพและรายละเอียด; ข้อมูลสารเคมี

สถานะทางกายภาพของสาร
มีลักษณะทางกายภาพเป็นของเหลว ไม่มีสี มีกลิ่นเฉพาะ 

อันตรายทางกายภาพ
 

อันตรายทางเคมี
เมื่อได้รับความร้อนหรือสัมผัสอากาศ แสงยูวี (แสงอัลตราไวโอเลต)และความชื้นจะสลายตัว สารนี้จะผลิตแก๊สพิษและมีฤทธิ์กัดกร่อน รวมทั้ง สารไฮโดรเจนคลอไรด์ and สารฟอสจีน สารนี้อย่างรุนแรง จะมีปฏิกิริยากับ โลหะอัลคาไลน์ เบสแก่ และ ผงโลหะหรือโลหะผง สารนี้จะสร้าง ทำลาย พลาสติก และ ยาง 

C2H2Cl4 / CHCl2CHCl2สูตรโมเลกุล
มวลโมเลกุล: 167.9
จุดเดือด : 146 องศาเซลเซียส
จุดหลอมเหลว : -42,5°C
ความหนาแน่นสัมพัทธ์ (น้ำ = 1): 1.59
ละลายในน้ำ ที่อุณหภูมิ 20°C: 0.29กรัมต่อ 100 มิลลิตร (g/100ml)
ความดันไอ ที่อุณหภูมิ 20°C: 647 ปาสกาล (Pa)
ความหนาแน่นของไอน้ำสัมพัทธ์ (อากาศ = 1): 5.8
ความหนาแน่นสัมพัทธ์ของส่วนผสมระหว่าง ไอระเหย/อากาศ (vapour/air-mixture) ที่อุณหภูมิ 20°C (อากาศ = 1): 1.03
ความหนืด : 1.11 อัตราส่วนของความหนาแน่นของความหนืด ตารางมิลลิเมตรต่อวินาที (mm²/s) ที่อุณหภูมิ 20°C
ค่าสัมประสิทธิ์การกระจายตัวของสารในชั้นน้ำและชั้นออกทานอล (log Pow): 2.39  


การได้รับสัมผัสและรายละเอียด; ผลกระทบต่อสุขภาพ

ทางผ่านการได้รับสัมผัสเข้าสู่ร่างกาย
สารนี้สามารถถุกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายโดยการหายใจเอาไอระเหยของสารนี้เข้าสู่ร่างกาย, ผ่านทางผิวหนัง และ โดยการรับประทาน 

ผลกระทบต่อสุขภาพจากการได้รับสัมผัสในระยะเวลาสั้น
สารนี้ ทำให้ระคายเคือง ต่อ ตา, ผิวหนัง และ ทางเดินหายใจ สารนี้อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบประสาทส่วนกลาง, ตับ และ ไต กรณีนี้อาจมีผลทำให้เกิดการกดระบบประสาทส่วนกลาง และ ภาวะการทำงานบกพร่อง การได้รับสัมผัสสารนี้ สามารถทำให้หมดสติ. การได้รับสัมผัสสารนี้ สามารถทำให้เสียชีวิต. 

ความเสี่ยงต่อการหายใจ
ที่อุณหภูมิ 20 องศาเซลเซียส สารอันตรายนี้จะระเหยปนเปื้อนในอากาศค่อนข้างเร็ว 

ผลกระทบต่อสุขภาพจากการได้รับสัมผัสเป็นระยะเวลานานหรือได้รับสัมผัสซ้ำ
สารนี้มีผลต่อผิวหนัง โดยทำให้ผิวหนังแห้งหรือแตก สารนี้อาจมีผลกระทบต่อ ระบบประสาทส่วนกลาง และ ตับ สารนี้อาจมีผลต่อimpaired functions เป็นไปได้ที่สารนี้อาจก่อมะเร็งในมนุษย์ อาจก่อให้เกิดความผิดปกติทางการถ่ายทอดทางพันธุกรรมในมนุษย์ 


ขีดจำกัดการได้รับสัมผัสในการประกอบอาชีพ (การทำงาน)
TLV: 1 ส่วนในล้านส่วน (ppm) กรณีค่าเฉลี่ยตลอดเวลาการทำงาน (TWA); (ผิวหนัง); A3 (confirmed animal carcinogen with unknown relevance to humans).
MAK: 14 มิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (mg/m3), 2 ส่วนต่อล้านส่วน (ppm); ประเภทของขีดจำกัดสูงสุด (peak limitation category): II(2); ดูดซึมผ่านผิวหนัง (skin absorption) (H); การจำแนกกลุ่มมะเร็ง (carcinogen categor): 4; กลุ่มเสี่ยงตั้งครรภ์ (pregnancy risk group): D 

สิ่งแวดล้อม
สารนี้เป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิตในน้ำ ต้องไม่แพร่สารนี้ออกสู่สิ่งแวดล้อม 

ข้อสังเกต
การได้กลิ่นจะเป็นการเตือนหากภาวะเกินค่าขีดจำกัดการได้รับสัมผัสไม่เพียงพอต่อการระวังเหตุการณ์
ห้ามใช้ในบริเวณใกล้เคียงไฟหรือพื้นผิวที่ร้อน หรือระหว่างการเชื่อม 

ข้อมูลประกอบเพิ่มเติม
  EC Classification
สัญลักษณ์ : T+, N; R: 26/27-51/53; S: (1/2)-38-45-61 

(th)ทั้งนี้ องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) หรือองค์การอนามัยโลก (WHO) หรือสหภาพยุโรป (European Union) จะไม่รับผิดชอบต่อคุณภาพและความแม่นยำของการแปล หรือการใช้ซึ่งจะเกิดขึ้นจากการใช้ข้อมูล