« กลับไปสู่รายการผลของการสืบค้น  
ฟอสฟีนICSC: 0694 (เมษายน 2013)
เลขประจำตัวสารเคมี (CAS #): 7803-51-2
UN #: 2199
EC Number: 232-260-8

  อันตรายเฉียบพลัน การป้องกัน การระงับอัคคีภัย
เพลิงไหม้และรายละเอียด; การระเบิด ไวไฟสูงสุด อาจลุกติดไฟได้เองเมื่อสัมผัสกับอากาศ ปล่อยไอควันหรือแก๊สที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองหรือเป็นพิษจากการเกิดเพลิงไหม้  แก๊ส/อากาศผสม เป็นสารที่ทำให้ระเบิดได้  ห้ามใกล้เปลวไฟ ห้ามใกล้ประกายไฟ และห้ามสูบบุหรี่ ห้ามสัมผัสกับพื้นผิวร้อน  ระบบปิด ระบายอากาศ อุปกรณ์ไฟฟ้าป้องกันระเบิดและไฟฉายป้องกันการระเบิด  ถ้าไม่สามารถถ้าไม่สามารถดับไฟได้และพิจารณาแล้วว่าเผาไหม้นั้นไม่มีภาวะเสี่ยงใด ๆ ต่อสถานการณ์โดยรอบ ให้หยุดการส่งกำลังไประงับเหตุ และให้ปล่อยให้เพลิงไหม้จนดับไปเอง ส่วนในกรณีอื่น ๆ ให้ดับเพลิงด้วย ผง, คาร์บอนไดออกไซด์  ในกรณีของเพลิงไหม้ ให้รักษาอุณหภูมิของภาชนะบรรจุสารเคมีด้วยการฉีดน้ำเป็นละอองฝอย (spraying) ให้กับภาชนะเก็บสารเคมีนั้น การดับไฟจากที่กําบัง 

 หลีกเลี่ยงทุกการสัมผัสสารเคมีนี้! การปฐมพยาบาล ให้ใช้อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล ทุกรายที่ได้รับสัมผัสสารนี้ควรปรึกษาแพทย์ 
  อาการแสดง การป้องกัน การปฐมพยาบาล
ทางการหายใจ ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ คลื่นไส้ ท้องร่วง เจ็บหน้าอก หายใจสั้น หัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอ อาการชัก หมดสติ  ใช้ ระบบปิด การระบายอากาศ  อากาศบริสุทธิ์ พักผ่อน ท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน ควรให้ออกซิเจน ควรผายปอด ส่งต่อแพทย์ทันที 
ทางผิวหนัง เมื่อสัมผัสกับของเหลว: แผลน้ำแข็งกัด  ถุงมือป้องกันความเย็น เสื้อผ้าป้องกัน  ในกรณีเป้นแผลน้ำแข็งกัด: ให้ค่อยๆ ล้างด้วยน้ำ โดยไม่ต้องถอดเสื้อผ้าออก ส่งต่อ ไปพบแพทย์เพื่อให้การรักษา  
ทางตา หากสัมผัสกับของเหลว : น้ำแข็งกัด  สวมใส่ กระบังหน้า อุกรณ์ป้องกันดวงตา ในการป้องกันการหายใจแบบผสมผสาน  ขั้นแรกให้ค่อย ๆ ล้างด้วยน้ำสะอาด 2- 3 นาที (ให้เอาคอนแทคเลนส์ออก ถ้าสามารถเอาออกได้) จากนั้นให้นำส่งแพทย์ 
ทางปาก   ล้างมือก่อนรับประทานอาหาร   

การกำจัดทิ้ง การจำแนกประเภทและรายละเอียด: ตราสัญลักษณ์
อพยพออกจากพื้นที่อันตราย! ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ การระบายอากาศ (Ventilation) การคุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล : ชุดป้องกันสารเคมีซึ่งมีเครื่องช่วยหายใจแบบมีถังอากาศในตัว (self-contained breathing apparatus: SCBA) 

ขึ้นอยู่กับเกณฑ์กำหนด GHS ของ UN (UN GHS Criteria)

flam;flamecylinder;gasskull;toxiccorr
อันตราย
แก๊สไวไฟสูงมาก
มีแก๊สภายใต้ความดันอาจระเบิดได้หากถูกทำให้ร้อน
อาจเสียชีวิตได้หากหายใจสารนี้เข้าสู่ร่างกาย
ก่อให้เกิดผิวหนังไหม้รุนแรงและทำลายตา 

การขนส่ง
UN Classification
UN Hazard Class: 2.3; หมายเลขของสหประชาชาติระบุความเสี่ยงลำดับรอง (UN Subsidiary Risks) : 2.1 

การเก็บ
มีความคงทนต่อไฟ เก็บรักษาในห้องที่มีการถ่ายเทอากาศดี 
การบรรจุ/การหีบห่อ
 
ฟอสฟีน ICSC: 0694
กายภาพและรายละเอียด; ข้อมูลสารเคมี

สถานะทางกายภาพของสาร
มีลักษณะทางกายภาพเป็นแก๊สไม่มีสี ภายใต้ความดัน เหลว 

อันตรายทางกายภาพ
แก๊สหนักกว่าอากาศและอาจเคลื่อนตัวบนพื้นซึ่งอาจเกิดการลุกไหม้ระหว่างการเคลื่อนตัวดังกล่าวได้ 

อันตรายทางเคมี
สลายตัว เมื่อให้ความร้อนหรือเผา สารนี้จะสร้างไอควันพิษ (ฟูมพิษ) รวมทั้ง สารฟอสฟอรัสออกไซด์ สารนี้อย่างรุนแรง จะมีปฏิกิริยากับ อากาศ สารออกซิเจน สารออกซิแดนท์ เช่น สารคลอรีนออกไซด์ สารไนโตรเจนออกไซด์ สารโลหะไนเตรต สารฮาโลเจน และ สารอื่นอีกหลายชนิด สารนี้จะก่อให้เกิดอันตรายจากการระเบิดและเพลิงไหม้ ทำลาย โลหะจำนวนมาก 

PH3สูตรโมเลกุล
มวลโมเลกุล: 34.00
จุดเดือด : -87.7 องศาเซลเซียส
จุดหลอมเหลว : -133°C
ความหนาแน่นสัมพัทธ์ (น้ำ = 1): 0.8
ความหนาแน่น (แก๊ส): 1.53 kg/m³
ละลายในน้ำ (น้อยมาก) ที่อุณหภูมิ 17°C: 26 มิลลิตรต่อ100 มิลลิลิตร (ml/100ml)
ความดันไอ ที่อุณหภูมิ 20°C: 3488 กิโลปาสกาล (kPa)
ความหนาแน่นของไอน้ำสัมพัทธ์ (อากาศ = 1): 1.18
จุดวาบไฟ : แก๊สไวไฟ
อุณหภุูมิที่ติดไฟได้เอง: 38°C
ขีดจำกัดการระเบิด: 1.6 - 100 vol% ในอากาศ (โดยประมาณ) 


การได้รับสัมผัสและรายละเอียด; ผลกระทบต่อสุขภาพ

ทางผ่านการได้รับสัมผัสเข้าสู่ร่างกาย
สารนี้สามารถถุกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายโดยการหายใจ 

ผลกระทบต่อสุขภาพจากการได้รับสัมผัสในระยะเวลาสั้น
สารนี้ ทำให้ระคายเคือง รุนแรง ต่อ ทางเดินหายใจ หากหายใจได้รับ แก๊สนี้ อาจทำให้เกิดภาวะปอดบวมน้ำ (โปรดอ่านข้อสังเกตเพิ่มเติม) ของเหลวนี้ระเหยได้เร็วอาจทำให้ผิวหนังถูกทำลายจากควมเย็นจัด สารนี้อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบประสาทส่วนกลาง, ระบบหัวใจและหลอดเลือด, หัวใจ, ระบบทางเดินอาหาร, ตับ และ ไต กรณีนี้อาจมีผลทำให้ภาวะการทำงานบกพร่อง การได้รับสัมผัสสารนี้มากกว่าค่า OEL สามารถทำให้หมดสติและ ทำให้เสียชีวิต. ควรให้แพทย์ตรวจอาการ 

ความเสี่ยงต่อการหายใจ
หากไม่มีการจัดเก็บหรือสูญเสียการจัดเก็บจะมีผลทำให้ความเข้มข้นแก๊สนี้ในอากาศอยู่ในระดับที่เป็นอันตรายอย่างรวดเร็วมาก 

ผลกระทบต่อสุขภาพจากการได้รับสัมผัสเป็นระยะเวลานานหรือได้รับสัมผัสซ้ำ
ไม่พบว่ามีกรณีเฉพาะที่คล้ายกับการที่กระเพาะอาหารและลำไส้ผิดปกติ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ และอื่น ๆ  


ขีดจำกัดการได้รับสัมผัสในการประกอบอาชีพ (การทำงาน)
TLV: 0.05 ส่วนในล้านส่วน (ppm) กรณีค่าเฉลี่ยตลอดเวลาการทำงาน (TWA); (ceiling value): 0.15 ส่วนในล้านส่วน (ppm) กรณ๊ขีดจำกัดระยะสั้น (STEL); A4 (not classifiable as a human carcinogen).
MAK: 0.14 มิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (mg/m3), 0.1 ส่วนต่อล้านส่วน (ppm); ประเภทของขีดจำกัดสูงสุด (peak limitation category): II(2); กลุ่มเสี่ยงตั้งครรภ์ (pregnancy risk group): C.
EU-OEL: 0.14 มิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (mg/m3) , 0.1 ส่วนในล้านส่วน (ppm) กรณีค่าเฉลี่ยตลอดการทำงาน (TWA); 0.28 ,มิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (mg/m3), 0.2 ส่วนในล้านส่วน (ppm) as STEL 

สิ่งแวดล้อม
สารนี้จะไม่แพร่สู่สิ่งแวดล้อมถ้ามีการใช้งานตามปกติและมีการดูแลที่ดี จึงควรหลีกเลี่ยงการปล่อยสารสู่ที่สาธารณะ และควรมีการจัดการเพิ่มเติม อาทิ กำจัดสารนี้ด้วยวิธีที่เหมาะสม 

ข้อสังเกต
หมุนกระบอกสูบหรือถังเก็บทรงกระบอกด้านที่มีรอยรั่วขึ้นเพื่อป้องกันการรั่วไหลของแก๊สที่มีอยู่ในของเหลวในกระบอกสูบหรือถังเก็บทรงกระบอก
ผลิตภัณฑ์ทางเทคนิคมักติดไฟได้เองบ่อยครั้งที่อุณหภูมิห้องหากมีสารฟอสฟอรัสไฮไดรด์ชนิดอื่นอยู่ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีสารไดฟอสฟีน เจือปน
เมื่อสารนี้อยู่ในรูปสารบริสุทธิ์ที่มีความเข้มข้นสูงถึง 200 ส่วนในล้านส่วน (ppm) หรือ 278 มิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (mg/m3) ซึ่งเป็นระดับที่มีพิษร้ายแรง จะไม่มีกลิ่น (odourless)
ผลิตภัณฑ์ทางเทคนิคของสารนี้จะมีกลิ่นคล้ายกระเทียมหรือปลาเน่า ทั้งนี้กลิ่นจะรุนแรงตามสารอื่นที่มีผสมปนเปื้อน (impurities)
การได้กลิ่นจะเป็นการเตือนหากภาวะเกินค่าขีดจำกัดการได้รับสัมผัสไม่เพียงพอต่อการระวังเหตุการณ์
อาการปอดบวมจะยังไม่แสดงชัดเจนกว่าเวลาผ่านไปสองชั่วโมงภายหลังการได้รับการบาดเจ็บ ดังนั้นการให้พักผ่อนและมีการสังเกตอาการทางการแพทย์จึงเป็นสิ่งจำเป็น
ควรพิจารณาการให้การบำบัดการหายใจโดยแพทย์หรือโดยผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดการ 

ข้อมูลประกอบเพิ่มเติม
  EC Classification
สัญลักษณ์ : F+, T+, N; R: 12-17-26-34-50; S: (1/2)-28-36/37-45-61-63 

(th)ทั้งนี้ องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) หรือองค์การอนามัยโลก (WHO) หรือสหภาพยุโรป (European Union) จะไม่รับผิดชอบต่อคุณภาพและความแม่นยำของการแปล หรือการใช้ซึ่งจะเกิดขึ้นจากการใช้ข้อมูล