« กลับไปสู่รายการผลของการสืบค้น  
2-ไวนิลไพริดีนICSC: 1232 (เมษายน 2000)
เลขประจำตัวสารเคมี (CAS #): 100-69-6
UN #: 3073
EC Number: 202-879-8

  อันตรายเฉียบพลัน การป้องกัน การระงับอัคคีภัย
เพลิงไหม้และรายละเอียด; การระเบิด ไวไฟ ปล่อยไอควันหรือแก๊สที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองหรือเป็นพิษจากการเกิดเพลิงไหม้  มากกว่า 32 องศาเซลเซียส (°C) จะทำให้เกิดการระเบิดจากไอระเหยหรือจากการผสมของอากาศ เสี่ยงต่อไฟไหม้และการระเบิด โปรดอ่านอันตรายของสารเคมี  ห้ามใกล้เปลวไฟ ห้ามใกล้ประกายไฟ และห้ามสูบบุหรี่  เมื่ออุณหภูมิมากกว่า 32 องศาเซลเซียส (°C) ให้ใช้ระบบปิดและมีการระบายอากาศ และอุปกรณ์ไฟฟ้าป้องกันการระเบิด ห้ามให้มีการเสียดสีหรือมีการกระแทก  ใช้ powder, AFFF, foam, carbon dioxide.  ในกรณีของเพลิงไหม้ ให้รักษาอุณหภูมิของถังบรรจุสารเคมีให้เย็นด้วยการฉีดน้ำเป็นละอองฝอย (spraying) ให้ถังบรรจุสารเคมีนั้น 

 ป้องกันการปล่อยละอองสารเคมี หลีกเลี่ยงทุกการสัมผัสสารเคมีนี้!  
  อาการแสดง การป้องกัน การปฐมพยาบาล
ทางการหายใจ ไอ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ เจ็บคอ  ใช้ การระบายอากาศ การระบายอากาศเฉพาะที่ อุปกรณ์คุ้มครองทางเดินหายใจ  อากาศบริสุทธิ์ พักผ่อน ส่งต่อแพทย์ 
ทางผิวหนัง อาจถูกดูดซึม ผื่นแดง ผิวหนังไหม้รุนแรง เจ็บปวด โปรดอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องการหายใจ  ถุงมือป้องกัน เสื้อผ้าป้องกัน  ให้ถอดเสื้อผ้าหรือชุดที่ปนเปื้อนออก ค่อย ๆ ชำระล้างผิวหนังด้วยน้ำและสบู่ ส่งต่อ ไปพบแพทย์เพื่อให้การรักษา  
ทางตา รอยแดง ความเจ็บปวด  สวมใส่ กระบังหน้า อุกรณ์ป้องกันดวงตา ในการป้องกันการหายใจแบบผสมผสาน  ขั้นแรกให้ค่อย ๆ ล้างด้วยน้ำสะอาด 2- 3 นาที (ให้เอาคอนแทคเลนส์ออก ถ้าสามารถเอาออกได้) จากนั้นให้นำส่งแพทย์ 
ทางปาก โปรดอ่านข้อมูลกรณีการหายใจเพิ่มเติม  ห้ามรับประทานอาหาร น้ำดื่ม หรือสูบบุหรี่ระหว่างปฏิบัติงาน  บ้วนปาก ให้ดื่มน้ำหนึ่งหรือสองแก้ว ส่งต่อไปพบแพทย์  

การกำจัดทิ้ง การจำแนกประเภทและรายละเอียด: ตราสัญลักษณ์
ให้เก็บของเหลวที่หกรั่วไหลในภาชนะบรรจุที่มีการปิดผนึกแน่นหรือเท่าที่จะทำได้ ดูดซับของเหลวที่ยังเหลือคงค้างอยู่ด้วยทรายหรือสารดูดซับเฉื่อย ดังนั้น วิธีการจัดเก็บและวิธีการกำจัดทิ้งให้ขึ้นอยู่กับกฎที่ใช้ควบคุมในพื้นที่นั้น (local regulation) การคุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล : ชุดป้องกันสารเคมี 

ขึ้นอยู่กับเกณฑ์กำหนด GHS ของ UN (UN GHS Criteria)

 

การขนส่ง
UN Classification
UN Hazard Class: 6.1; หมายเลขของสหประชาชาติระบุความเสี่ยงลำดับรอง (UN Subsidiary Risks) : 3 และ 8; หมายเลขของสหประชาชาติระบุกลุ่มของการหีบห่อสาร (UN Pack Group): II 

การเก็บ
มีความคงทนต่อไฟ แยกจาก strong oxidants, strong acids และ food and feedstuffs เก็บรักษาในที่มืด มีการปิดผนึก เก็บรักษาเมื่ออยู่ในภาวะเสถียร 
การบรรจุ/การหีบห่อ
ไม่ขนส่งร่วมกับอาหารและภาชนะสำหรับบรรจุอาหาร หรือภาชนะบรรจุสำหรับให้อาหาร 
2-ไวนิลไพริดีน ICSC: 1232
กายภาพและรายละเอียด; ข้อมูลสารเคมี

สถานะทางกายภาพของสาร
มีลักษณะทางกายภาพเป็นของเหลวไม่มีสี มีกลิ่นฉุน 

อันตรายทางกายภาพ
 

อันตรายทางเคมี
สารนี้เกิดปฏิกิริยาพอลีเมอไรไซชันได้อย่างรุนแรง สารนี้จะก่อให้เกิดนตรายจากการระเบิดและเพลิงไหม้ อาจสลายตัว อย่างรุนแรงเมื่อถูกกระทบกระแทกอย่างกระทันหัน มีแรงเสียดทานหรือถูกกระทบกระแทกอย่างแรง สลายตัว เมื่อให้ความร้อนหรือเผา สารนี้จะสร้างไอควันพิษ (ฟูมพิษ) ของสารไซยาไนด์ และสารไนโตรเจนออกไซด์ สารนี้อย่างรุนแรง จะมีปฏิกิริยากับ สารออกซิแดนท์อย่างแรง 

C7H7N / H2C=CHC5H4Nสูตรโมเลกุล
มวลโมเลกุล: 105.14
จุดเดือด : 159-160 องศาเซลเซียส
ความหนาแน่นสัมพัทธ์ (น้ำ = 1): 1.00
ละลายในน้ำ: ได้ปานกลาง
ความดันไอ ที่อุณหภูมิ 44.5°C: 1.33 กิโลปาสกาล (kPa)
ขุดวาบไฟ : 42°C
ค่าสัมประสิทธิ์การกระจายตัวของสารในชั้นน้ำและชั้นออกทานอล (log Pow): 1.39  


การได้รับสัมผัสและรายละเอียด; ผลกระทบต่อสุขภาพ

ทางผ่านการได้รับสัมผัสเข้าสู่ร่างกาย
สารนี้สามารถถุกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายโดยการหายใจเอาไอระเหยของสารนี้เข้าสู่ร่างกาย, ผ่านทางผิวหนัง และ โดยการรับประทาน 

ผลกระทบต่อสุขภาพจากการได้รับสัมผัสในระยะเวลาสั้น
สารนี้อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อผิวหนัง กรณีนี้อาจมีผลทำให้เกิดแผลไหม้ภายหลัง สารนี้ ทำให้ระคายเคือง รุนแรง ต่อ ตา และ ทางเดินหายใจ 

ความเสี่ยงต่อการหายใจ
ไม่มีข้อบ่งชี้อัตราความเข้มข้นที่เป็นอันตรายของสารนี้ในอากาศ เมื่อมีการระเหยที่อุณหภูมิ 20°C  

ผลกระทบต่อสุขภาพจากการได้รับสัมผัสเป็นระยะเวลานานหรือได้รับสัมผัสซ้ำ
การได้รับสัมผัสสารนี้ซ้ำหรือได้รับเป็นระยะเวลานานอาจก่อให้เกิดการแพ้ที่ผิวหนัง (skin sensitization) 


ขีดจำกัดการได้รับสัมผัสในการประกอบอาชีพ (การทำงาน)
 

สิ่งแวดล้อม
 

ข้อสังเกต
การใส่สารกระตุ้นหรือใส่สารยับยั้งจะมีผลต่อสมบัติความเป็นพิษของสาร จึงควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ 

ข้อมูลประกอบเพิ่มเติม
  EC Classification
 

(th)ทั้งนี้ องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) หรือองค์การอนามัยโลก (WHO) หรือสหภาพยุโรป (European Union) จะไม่รับผิดชอบต่อคุณภาพและความแม่นยำของการแปล หรือการใช้ซึ่งจะเกิดขึ้นจากการใช้ข้อมูล