« กลับไปสู่รายการผลของการสืบค้น  
เอทธิลบิส(2-คลอโรเอทธิล)อะมีนICSC: 1655 (เมษายน 2008)
เลขประจำตัวสารเคมี (CAS #): 538-07-8
UN #: 2810

  อันตรายเฉียบพลัน การป้องกัน การระงับอัคคีภัย
เพลิงไหม้และรายละเอียด; การระเบิด การเผาไหม้ ความร้อนจะเพิ่มความดันที่เสี่ยงต่อการระเบิด ปล่อยไอควันหรือแก๊สที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองหรือเป็นพิษจากการเกิดเพลิงไหม้    ห้ามใกล้เปลวไฟ    ใช้ water spray, alcohol-resistant foam, carbon dioxide, powder.  ในกรณีของเพลิงไหม้ ให้รักษาอุณหภูมิของถังบรรจุสารเคมีให้เย็นด้วยการฉีดน้ำเป็นละอองฝอย (spraying) ให้ถังบรรจุสารเคมีนั้น 

 หลีกเลี่ยงทุกการสัมผัสสารเคมีนี้! ทุกรายที่ได้รับสัมผัสสารนี้ควรปรึกษาแพทย์ 
  อาการแสดง การป้องกัน การปฐมพยาบาล
ทางการหายใจ เจ็บคอ รู้สึกปวดแสบปวดร้อน ไอ สั่น ไม่ประสานกัน อาการชัก หายใจลำบาก หายใจสั้น หายใจมีเสียงหวีด อาการอาจปรากฏช้า โปรดอ่านข้อสังเกตเพิ่มเติม  ใช้ ระบบปิด  ท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน ควรผายปอด ไม่ผายปอดด้วยวิธีปากต่อปาก (mouth-to-mouth) ส่งต่อแพทย์ทันที 
ทางผิวหนัง อาจถูกดูดซึม ผื่นแดง เจ็บปวด แผล แสดงอาการช้า โปรดอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องการหายใจ  ถุงมือป้องกัน เสื้อผ้าป้องกัน  ให้สวมถุงมือเพื่อป้องกันมือขณะทำการปฐมพยาบาล ให้ถอดเสื้อผ้าหรือชุดที่ปนเปื้อนออก ค่อย ๆ ชำระล้างผิวหนังด้วยน้ำและสบู่ ส่งต่อให้แพทย์ตรวจอาการทันที 
ทางตา ไอระเหยอาจถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย ล้างตาด้วยน้ำ รอยแดง ความเจ็บปวด ชักเกร็ง ตาแพ้แสง และรูม่านตาขยาย ตาพร่า แผลไหม้รุนแรง สูญเสียการมองเห็น  สวมใส่ แว่นครอบตานิรภัย สวมใส่ กระบังหน้า อุกรณ์ป้องกันดวงตา ในการป้องกันการหายใจแบบผสมผสาน  ค่อย ๆ รินน้ำสะอาดล้างตา (ให้เอาคอนแทคเลนส์ออกก่อน ถ้าสามารถเอาคอนแทคเลนส์ออกได้) นำส่งแพทย์ทันที 
ทางปาก คอแห้ง ปวดท้อง in the throat and chestมึนงง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง โปรดอ่านข้อมูลกรณีการหายใจเพิ่มเติม  ห้ามรับประทานอาหาร น้ำดื่ม หรือสูบบุหรี่ระหว่างปฏิบัติงาน ล้างมือก่อนรับประทานอาหาร  บ้วนปาก ให้ดื่มน้ำหนึ่งหรือสองแก้ว ไม่ทำให้อาเจียน ส่งต่อไปพบแพทย์ทันที โปรดอ่านข้อสังเกต 

การกำจัดทิ้ง การจำแนกประเภทและรายละเอียด: ตราสัญลักษณ์
อพยพออกจากพื้นที่อันตราย! ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ การคุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล : ใช้ชุดป้องกันสารเคมีแบบป้องกันแก๊ส (gas-tight chemical protection suit) พร้อมทั้งมีเครื่องช่วยหายใจแบบมีถังอากาศในตัว (self-contained breathing apparatus: SCBA) ห้ามปล่อยสารเคมีนี้ออกสู่สิ่งแวดล้อม ให้เก็บชองเหลวที่หกรั่วไหลในภาชนะบรรจุที่ปิดผนึกแน่นไม่ให้อากาศเข้า ดูดซับของเหลวที่ยังเหลือคงค้างอยู่ด้วยทรายหรือสารดูดซับเฉื่อย ดังนั้น วิธีการจัดเก็บและวิธีการกำจัดทิ้งให้ขึ้นอยู่กับกฎที่ใช้ควบคุมในพื้นที่นั้น (local regulation) ไม่ฉีดน้ำโดยตรงไปยังของเหลว 

ขึ้นอยู่กับเกณฑ์กำหนด GHS ของ UN (UN GHS Criteria)

skull;toxiccorrcancer;health haz
อันตราย
หากสารนี้สัมผัสผิวหนังหรือเข้าสู่ร่างกายทางการหายใจอาจทำให้เสียชีวิตได้
สาเหตุ ระคายเคืองผิวหนัง
สาเหตุ ทำลายตารุนแรง
อาจเป็นสาเหตุ การบกพร่องทางพันธุกรรม
อาจเป็นสาเหตุ โรคมะเร็ง
เป็นสาเหตุทำลาย ระบบประสาท และ ไขกระดูก
อาจเป็นสาเหตุ ระคายเคืองทางเดินหายใจ
เป็นสาเหตุทำลาย ระบบประสาท และ ไขกระดูก ตลอดการได้รับสัมผัสหรือการได้รับสัมผัสซ้ำ 

การขนส่ง
UN Classification
UN Hazard Class: 6.1; หมายเลขของสหประชาชาติระบุกลุ่มของการหีบห่อสาร (UN Pack Group): I 

การเก็บ
เก็บรักษาในที่มืด แยกจาก food and feedstuffs และ metals เก็บรักษาในห้องที่มีการถ่ายเทอากาศดี เก็บรักษาในพื้นที่ที่ไม่มีการระบายหรือมีท่อระบายน้ำ 
การบรรจุ/การหีบห่อ
ไม่ขนส่งร่วมกับอาหารและภาชนะสำหรับบรรจุอาหาร หรือภาชนะบรรจุสำหรับให้อาหาร 
เอทธิลบิส(2-คลอโรเอทธิล)อะมีน ICSC: 1655
กายภาพและรายละเอียด; ข้อมูลสารเคมี

สถานะทางกายภาพของสาร
มีลักษณะทางกายภาพเป็นของเหลว ไม่มีสีถึงสีเหลือง มีกลิ่นเฉพาะ 

อันตรายทางกายภาพ
 

อันตรายทางเคมี
สารนี้เกิดปฏิกิริยาพอลีเมอไรไซชัน ภายใต้สภาวะที่มีความร้อน และแสงแดด ทำลาย โลหะจำนวนมาก จะเกิดแก๊สไวไฟ (ไฮโดรเจน - โปรดอ่านการ์ด ICSC 0001) 

C6H13Cl2N / (ClCH2CH2)2NC2H5สูตรโมเลกุล
มวลโมเลกุล: 170.1
ย่อยสลายหรือแตกตัว ที่ 194°C
จุดหลอมเหลว : -34°C
ความหนาแน่นสัมพัทธ์ (น้ำ = 1): 1.09
ละลายในน้ำ ที่อุณหภูมิ 25°C: ได้น้อยมาก
ความดันไอ ที่อุณหภูมิ 25°C: 0.03 กิโลปาสกาล (kPa)
ความหนาแน่นของไอน้ำสัมพัทธ์ (อากาศ = 1): 5.9
ความหนาแน่นสัมพัทธ์ของส่วนผสมระหว่าง ไอระเหย/อากาศ (vapour/air-mixture) ที่อุณหภูมิ 20°C (อากาศ = 1): 1.00 


การได้รับสัมผัสและรายละเอียด; ผลกระทบต่อสุขภาพ

ทางผ่านการได้รับสัมผัสเข้าสู่ร่างกาย
สารนี้สามารถถุกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายโดยการหายใจเอาไอระเหยของสารนี้เข้าสู่ร่างกาย, โดยการหายใจเอาอนุภาคของสารนี้เข้าสู่ร่างกาย, ผ่านทางผิวหนัง และ โดยการรับประทาน ร้ายแรงผลกระทบเฉพาะที่ และ ผลกระทบทั่วร่างกาย โดยการเข้าสู่ร่างกายจากการได้รับสัมผัสทุกช่องทาง 

ผลกระทบต่อสุขภาพจากการได้รับสัมผัสในระยะเวลาสั้น
เป็นสารที่ทำให้เกิดการพุพอง น้ำตาไหล สารนี้ ทำให้ระคายเคือง รุนแรง ต่อ ตา, ผิวหนัง และ ทางเดินหายใจ สารนี้อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบประสาทส่วนกลาง และ ไขกระดูก หากหายใจได้รับ อาจทำให้เกิดภาวะปอดบวมน้ำ (โปรดอ่านข้อสังเกตเพิ่มเติม) ผลกระทบต่อสุขภาพอาจปรากฏช้า ควรให้แพทย์ตรวจอาการ 

ความเสี่ยงต่อการหายใจ
ที่อุณหภูมิ 20 องศาเซลเซียส สารอันตรายนี้จะระเหยปนเปื้อนในอากาศอย่างรวดเร็ว เมื่อฉีดพ่นเป็นละอองฝอย (Spraying) หรือทำให้กระจายตัวก็จะทำให้สารนี้ระเหยได้รวดเร็วยิ่งขึ้น 

ผลกระทบต่อสุขภาพจากการได้รับสัมผัสเป็นระยะเวลานานหรือได้รับสัมผัสซ้ำ
สารนี้อาจมีผลกระทบต่อ ไขกระดูก และ ระบบประสาทส่วนกลาง สารนี้อาจเป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์ได้ อาจก่อให้เกิดความผิดปกติทางการถ่ายทอดทางพันธุกรรมในมนุษย์ โปรดอ่านข้อสังเกตเพิ่มเติม 


ขีดจำกัดการได้รับสัมผัสในการประกอบอาชีพ (การทำงาน)
 

สิ่งแวดล้อม
 

ข้อสังเกต
ไม่นำเสื้อผ้าที่ใช้ทำงานกลับไปบ้าน
ขึ้นอยู่กับระดับของการได้รับสัมผัส และการแนะนำการตรวจสุขภาพตามระยะที่กำหนด
อาการปอดบวมจะยังไม่แสดงชัดเจนกว่าเวลาผ่านไปสองชั่วโมงภายหลังการได้รับการบาดเจ็บ ดังนั้นการให้พักผ่อนและมีการสังเกตอาการทางการแพทย์จึงเป็นสิ่งจำเป็น
เนื่องจากผลกระทบของสารนี้คล้ายคลึงกับผลกระทบจากรังสีแตกตัว (ionizing radiation) ดังนั้นจึงมีการใช้คำว่า "การให้ผลคล้ายรังสี (radiomimetic)" บ่อยครั้ง 

ข้อมูลประกอบเพิ่มเติม
  EC Classification
 

(th)ทั้งนี้ องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) หรือองค์การอนามัยโลก (WHO) หรือสหภาพยุโรป (European Union) จะไม่รับผิดชอบต่อคุณภาพและความแม่นยำของการแปล หรือการใช้ซึ่งจะเกิดขึ้นจากการใช้ข้อมูล